เมลาโทนิน (Melatonin)” เป็นฮอร์โมนในร่างกายของเราที่ถูกสร้างที่สมองส่วนเล็ก ๆ ที่เรียกว่า ต่อมไพเนียล (Pineal gland) หน้าหลัก คือ ควบคุมวงจรการนอนหลับของคนเรา ปกติเราจะรู้สึกง่วงนอนกันตอนกลางคืนและรู้สึกตื่นตัวเมื่อตอนกลางวัน ทั้งนี้ก็เป็นผลมาจากฮอร์โมนเมลาโทนินนี่เอง โดยปกติเมลาโทนินจะถูกผลิตออกมามากเวลากลางคืน เริ่มตั้งแต่ประมาณ 4 – 5 ทุ่ม และมีปริมาณมากที่สุดเมื่อประมาณ ตี 2 แล้วจะค่อย ๆ ลดลงเมื่อเข้าสู่เช้าวันใหม่
ปัจจัยใดบ้างที่ทำให้เมลาโทนินทำงานได้ถูกที่ถูกเวลา
เราได้คำตอบแล้วว่า ปัจจัยที่ทำให้เมลาโทนินผลิตและหลั่งออกมาได้อย่างพอเหมาะพอควร ก็คือ เรื่องของความแตกต่างของแสงสว่างที่เราได้รับในแต่ละวันนั่นเอง เนื่องจากสิ่งที่กระตุ้นให้สร้างเมลาโทนิน ก็คือ สัญญาณประสาทจากการที่มีแสงสว่างที่ลดลง ที่ผ่านเข้าไปยังจอประสาทตา (หรือที่เราเรียกว่า เรติน่า : Retina) แล้วส่งต่อสัญญาณไปตามเส้นประสาทเข้าสู่ต่อมไพเนียล ทำให้มีการสร้างเมลาโทนินเกิดขึ้น เมื่อเเสงสว่างลดลง ความมืดเข้ามาเยือน ต่อมไพเนียลก็จะเริ่มหลั่งเมลาโทนินออกมา ทำให้เรารู้สึกง่วงเหงาหาวนอนนั่นเอง
นี้จึงเป็นคำตอบว่า ถ้าอยากนอนหลับได้ดี หลับสนิท เราจะต้องปิดไฟให้มืดสนิท อยู่ในห้องนอนที่ไร้เเสง สี เสียง รบกวน เพราะปัจจัยเหล่านี้จะรบกวนการหลั่งฮอร์โมนเมลาโทนินนั่นเอง
ปัจจุบันนี้มีผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่ชื่อว่า “เมลาโทนิน” ออกมาวางขายมากมายตามท้องตลาดทั่วไปและตลาดออนไลน์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในต่างประเทศที่จัดให้เมลาโทนินเป็นเพียงผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร จึงสามารถวางขายได้ทั่วไป
เมลาโทนินมีประโยชน์ต่อสุขภาพในด้านใดบ้าง
ปัจจุบันมีข้อมูลว่า การรับประทานเมลาโทนิน ได้ผลดีกับคนที่มีปัญหาเกี่ยวกับการนอนหลับยาก เช่น
– กลุ่มที่มีปัญหาเป็นโรคนอนดึกตื่นสาย (Delayed sleep phase syndrome) ซึ่งจะง่วงนอนช้ากว่าและตื่นสายกว่าคนปกติทั่วไป ซึ่งพบบ่อยในวัยรุ่น
-กลุ่มที่มีปัญหาทางระบบประสาทหรือการเรียนรู้เดิมอยู่แล้วและมีปัญหาการนอนหลับยากเพิ่มเข้ามาอีก (Sleeping problems in people with sleep-wake cycle disturbances) เช่น เด็กออทิสติก เด็กที่เรียนรู้ช้า เป็นต้น
นอกจากนี้แล้ว เรายังพบว่าเมลาโทนินมีประโยชน์ในด้านอื่น ๆ อีกมากมาย เช่น ช่วยลดอาการ jet lag จากการเดินทางไปต่างประเทศที่มีเวลาสลับกับบ้านเรา ใช้ทดแทนยานอนหลับได้ ลดอาการวิตกกังวลเมื่อเข้ารับการผ่าตัด ช่วยคนที่เป็นโรคนอนไม่หลับที่ไม่ได้มีสาเหตุจากอย่างอื่น หรือแม้กระทั่งมีบางการศึกษา พบว่า ใช้ร่วมกับการรักษามะเร็งบางชนิดเพื่อลดขนาดก้อนมะเร็งได้ด้วย
แม้ว่าในปัจจุบันเราจะเคยได้ยินว่าการกินเมลาโทนินจะทำให้เราแก่ช้าและเป็นสารต้านอนุมูลอิสระชั้นยอดก็ตาม แต่ข้อมูลตรงนี้ยังไม่ชัดเจนมากนักต้องรอการศึกษาวิจัยใหม่ ๆ อีกมาก
สำหรับผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเมลาโทนินในปัจจุบันนี้ มีหลายรูปแบบที่ใช้กัน เช่น แบบเม็ดอมใต้ลิ้น (ซึ่งออกฤทธิ์ไวสุด) แบบยาอม ยาน้ำ ยาเม็ด ปริมาณที่ใช้กันขึ้นอยู่กับแต่ละตัวบุคคลครับ โดยทั่วไปหากใช้เพื่อช่วยเรื่องการนอนหลับเริ่มใช้ตั้งแต่ 0.5 – 5 mg รับประทานก่อนเข้านอนประมาณ 30 นาที (หรือตามข้อบ่งชี้เฉพาะของเเต่ละตัวครับ) แนะนำว่าหากต้องการใช้ควรเข้ามาปรึกษาแพทย์ก่อนเสมอ เพื่อที่จะได้ทราบข้อมูลเกี่ยวกับข้อห้ามใช้และอาการข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น เพื่อความปลอดภัยของตัวเราเอง
ส่วนวิธีที่ดีที่สุดในการเพิ่มเมลาโทนิน ควรฝึกนิสัยการเข้านอนให้ตรงเวลา จัดสิ่งเเวดล้อมของเตียงนอนให้เหมาะสม แต่สำหรับคนที่มีปัญหาเรื่องการนอนหลับแนะนำว่าควรเข้ามาปรึกษาแพทย์ ซึ่งหากแพทย์สงสัยว่าอาจจะมีปัญหาเกี่ยวกับเมลาโทนินที่ต่ำก็สามารถส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการณ์ได้นั่นเอง เพียงเท่านี้เมลาโทนินก็จะออกมาทักทายและพาเราเข้าสู่ห่วงเวลาแห่งการพักผ่อนที่ดีที่สุดได้อย่างเเน่นอน