เมลาโทนิน วัฏจักรชีพ สมดุลชีวิต

 

สร้างสมดุลชีวิต

เมลาโทนิน วัฏจักรชีพ สมดุลชีวิต มาทำความรู้จักกับเรื่องราวบางส่วนของสารเคมีที่ผลิตขึ้นในร่างกายชนิดหนึ่งที่มีผลต่อการนอนของเรา และหลายคนที่ต้องเดินทางข้ามโลกข้ามทวีปจนทำให้รอบของชีวิตผิดไปจากรอบปรกติต้องอาศัยสารชนิดนี้ซึ่งในบางประเทศสามารถหาซื้อได้อย่างง่ายดาย ครับสารที่ว่าคือเมลาโทนิน (Melatonin)

เมลาโทนิน (Melatonin) เป็นฮอร์โมนชนิดหนึ่งที่ผลิตขึ้นจากต่อมไพเนียล (pineal gland) ในสมอง ซึ่งเป็นต่อมไร้ท่อ (endocrine gland) 1 ใน 8 ต่อมไร้ท่อหลักของร่างกาย สารเมลาโทนินที่ผลิตจากต่อมไพเนียลนี้จะหลั่งเข้าสู่กระแสโลหิตและส่งผลต่อระบบต่างๆ ของร่างกาย มีผลต่อร่างกายหลายอย่างโดยเฉพาะอย่างยิ่งผลต่อระบบการควบคุมวัฎจักรชีพประจำวัน (Circadian Rhythm) หรือจะเรียกให้เข้าใจง่ายๆ ว่านาฬิกาชีวิตหรือนาฬิกาชีวภาพ (biological clock)  ซึ่งเป็นระบบควบคุมกิจกรรมต่างๆ ของมนุษย์ภายใน 24 ชั่วโมง โดยขึ้นกับปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อมอื่นๆ โดยเฉพาะแสง ส่วนปัจจัยภายในร่างกายที่ส่งผลต่อนาฬิกาชีวิตคืออุณหภูมิแกนของร่างกาย (core body temperature) และ การหลั่งเมลาโทนิน (melatonin secretion)

ต่อมไพเนียล

นั่นเป็นความมหัศจรรย์ของร่างกายมนุษย์ที่ต่อมไพเนียลในสมองจะทำหน้าที่ผลิตสารสำคัญ 2 ชนิด โดยใช้แสงเป็นตัวกำหนดรอบการผลิต ในเวลากลางวันเมื่อมีการรับแสงผ่านทางสายตาและผิวหนัง จะมีการส่งข้อมูลแสงผ่านเข้าสู่ระบบเลือดและวิ่งไปสู่ต่อมไพเนียลและกระตุ้นเซลล์ไพนีโลไซท์ (pinealocytes) ให้ทำการเปลี่ยนกรดอะมิโนทริปโทแฟน (tryptophan) ให้กลายเป็นเซโรโทนิน (serotonin) และเมื่อถึงเวลากลางคืน สัญญาณที่ส่งมาถึงเซลล์ไพนีโลไซท์จะมีค่าของแสงลดลง เซลล์กลุ่มนี้ก็จะทำหน้าที่นำเซโรโทนินไปผลิตสารอีกชนิดหนึ่งคือเมลาโทนิน (melatonin) ซึ่งเป็นเมแทบอไลต์ที่มีผลทางชีวภาพ (active metabolite) ของเซโรโทนิน

ระบบทางเดินอาหาร

เมลาโทนินสามารถสร้างขึ้นที่ทางเดินอาหารและที่จอรับภาพในดวงตาได้ด้วย ซึ่งมิได้ทำหน้าที่เป็นฮอร์โมนที่ส่งผลต่ออวัยวะต่างๆ ทั่วร่างกาย แต่จะส่งผลต่อเซลล์ข้างเคียงของเซลล์ที่ผลิตเท่านั้น ดังนั้นเมลานินจึงเป็นทั้งสารที่ทำหน้าที่ส่งสัญญาณให้เซลล์แบบ endocrine และ paracrine ขึ้นอยู่กับบริบทของการสร้างสารชนิดนี้ ผลต่อร่างกายของเมลานินนั้น นอกจากจะเป็นตัวควบคุมจังหวะเวลาของวัฏจักรชีวิตประจำวันแล้ว ยังส่งผลต่อระบบการทำงานของร่างกายอื่นๆ อีกหลายระบบ ไม่ว่าจะเป็นระบบสืบพันธุ์ ระบบประสาท ระบบภูมิคุ้มกัน ระบบการต้านออกซิเดชัน กลไกการชราภาพของเซลล์ รวมถึงระบบสารคัดหลั่งที่ก่อให้เกิดโรคผิวหนังด้วย

ปัจจุบันเมลาโทนินถูกนำมาใช้เป็นยาในบางประเทศ และ บางประเทศถูกจัดเป็นสารออกฤทธิ์ต่อจิตประสาทที่ต้องควบคุม ในกรณีที่ใช้เป็นยามักใช้เป็นยาแก้อาการนอนไม่หลับโดยเฉพาะที่เกิดจากการเปลี่ยนเวลาจากการเดินทาง แต่อย่างไรก็ตามเมลาโทนินนั้นมีค่าชีวปริมาณออกฤทธิ์ (bioavailability) ที่ค่อนข้างต่ำ และมีค่าครึ่งชีวิตสั้น จึงมีข้อจำกัดในการใช้บำบัดอยู่มาก ดังนั้นหลายๆ การศึกษาในปัจจุบันจึงเน้นที่การทำอย่างไรก็ได้ที่จะทำให้การทำงานของต่อมไพเนียลเป็นปรกติและสามารถผลิตเมลาโทนินได้ตามรอบของวัน และหากต้องการผลการบำบัดอาการนอนหลับ การทำให้มีการหลั่งเมลาโทนินเนิ่นนานออกไปก็เป็นวิธีการบำบัดที่ได้ผลอีกหนทางหนึ่ง สำหรับการในใช้เมลาโทนินในการบำบัดโรคอื่นๆ นั้นยังอยู่ในระหว่างการศึกษาแต่ยังไม่ได้นำเอาเมลาโทนินมาใช้ทางคลินิกสำหรับบำบัดโรคอื่นอย่างเป็นรูปธรรม หากแต่จากผลการศึกษาทำให้เห็นว่าถ้ามีระบบการจัดการที่ดีต่อระดับเมลาโทนินในร่างกาย จะทำให้ความรุนแรงของโรคต่างๆ ทุเลาลง

ร่างกายมนุษย์อยู่บนความสมดุล

โดยสรุปแล้วร่างกายมนุษย์อยู่บนความสมดุล หากว่ากันตามทฤษฎีแพทย์ตะวันออกบ้างก็ว่ามี 4 ธาตุ บ้างก็ว่ามี 5 ธาตุ แต่ทั้งหมดอธิบายบนพื้นฐานของความสมดุล ดูจะสอดคล้องตามหลักของพุทธศาสนาที่ให้ตั้งอยู่ในมัชฌิมาปฏิปทาหรือทางสายกลาง ซึ่งต้องรักษาสังขารให้สมบูรณ์เพื่อเจริญจิตรสูนิพพานและดับจิตและสังขารพร้อมๆ กัน แม้กระทั้งในทฤษฎีการแพทย์ตะวันตกสมัยเริ่มต้นก็มองร่างกายมนุษย์ในลักษณะไม่ต่างกัน แล้วยังเน้นไปที่สมดุลของเหลวในร่างกายเสียด้วย การแพทย์แผนจีนมองระบบไหลเวียนโลหิตและระบบพลังปราณ (ชี่) ในร่างกายเป็นตัวหลักในการรักษาสมดุลภายในร่างกาย ความสมดุลที่จะเกิดขึ้นนี้ย่อมต้องมาจากปัจจัยทั้งภายในและภายนอก ปัจจัยภายในที่จะทำให้รางกายสมดุลคือนาฬิกาชีวิตที่เป็นปรกติ นาฬิกาชีวิตจะเป็นปรกติได้ขึ้นกับปัจจัยภายนอกและความเข้มแข็งสมบูรณ์ของพื้นฐานจิตใจ ปัจจัยภายนอกที่กระทบต่อสมดุลร่างกายนั้นมีมากมายเหลือเกิน

ที่กระทบโดยตรงคือการกิน การหายใจ การอยู่อาศัย ดังนั้น อาหารดี อากาศดี อาศัยดี จะนำไปสู่ภาวะสมดุล เมื่อร่างกายสมดุล การทำงานของต่อมต่างๆ ทางกายภาพที่ได้กล่าวไปแล้วก็จะสู่ภาวะปรกติ โรคต่างๆ ที่กล่าวไปก็จะไม่มาเยือน หากแม้นมีโรคถือกำเนิดเมื่อใด นั่นแสดงว่าร่างกายเสียสมดุลไปจากเดิม ก็ต้องอาศัยปัจจัยที่ว่าช่วยให้กลับคืนสู่สมดุลอีกครั้ง แล้วร่างกายจะเป็นปรกติ ชีวิตจะเป็นสุข อยู่ในสุขภาวะที่ดีตลอดไป

Scroll to Top