เมลาโทนิน เป็นอาหารเสริม หรือว่ายา เมลาโทนิน (Melatonin) ในรูปแบบอาหารเสริมที่ช่วยในการนอนหลับ แต่จริง ๆ แล้วเมลาโทนินเป็นฮอร์โมนที่ร่างกายสร้างขึ้นได้เองจากต่อมไพเนียล (Pineal Gland) ในสมอง เพื่อควบคุมวงจรการนอนหลับตามนาฬิกาชีวภาพ (Biological Clock) ซึ่งเป็นวงจรช่วยควบคุมการทำงานของระบบต่าง ๆ ในร่างกาย
การหลั่งเมลาโทนินตามธรรมชาติจะสัมพันธ์กับความมืดและแสงสว่าง โดยความมืดจะกระตุ้นการหลั่งสารเมลาโทนิน ทำให้เรานอนหลับในเวลากลางคืน ในขณะที่แสงสว่างและแสงสีฟ้าจากอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เช่น โทรศัพท์มือถือ คอมพิวเตอร์ และโทรทัศน์ อาจยับยั้งการหลั่งเมลาโทนิน ทำให้นอนหลับยากขึ้น รวมทั้งผู้สูงอายุมีแนวโน้มที่พบการหลั่งเมลาโทนินลดลง
การใช้เมลาโทนินรักษาโรค
เมลาโทนินไม่ได้ช่วยรักษาอาการนอนไม่หลับโดยตรง แต่ช่วยให้นอนหลับได้ง่ายขึ้น จึงนำมาใช้ในผู้ที่มีปัญหาด้านการนอนหลับจากภาวะต่าง ๆ ดังนี้
เจ็ตแล็ก (Jet Lag) เจ็ตแล็กเป็นภาวะที่เกิดขึ้นชั่วคราวเมื่อเดินทางข้ามเขตเวลา อย่างการนั่งเครื่องบินเวลานาน ทำให้เกิดความผิดปกติด้านการนอน เช่น นอนไม่หลับตอนกลางคืน อ่อนเพลียตอนกลางวัน มีปัญหาเกี่ยวกับระบบทางเดินอาหาร อารมณ์แปรปรวน สมาธิ ความจำ และประสิทธิภาพในการทำงานลดลง
งานวิจัยบางส่วนศึกษาเปรียบเทียบระหว่างการใช้เมลาโทนินและยาหลอกในผู้ที่มีอาการเจ็ตแล็ก ผลพบว่าการใช้เมลาโทนินช่วยเพิ่มความความตื่นตัว และบรรเทาอาการง่วงนอนตอนกลางวันได้อย่างมีประสิทธิภาพ
กลุ่มอาการนอนหลับผิดเวลา (Delayed Sleep Phase Syndrome) กลุ่มอาการนอนหลับผิดเวลาเป็นความผิดปกติของการนอนที่ผู้ป่วยจะเริ่มง่วงหลังจากเวลาเข้านอนของคนทั่วไป โดยมักจะหลับช่วงหลังเที่ยงคืนเป็นต้นไป และไม่สามารถตื่นในตอนเช้าหรือเวลาปกติที่ควรตื่น หากถูกปลุกให้ตื่นจะรู้สึกอ่อนเพลียและง่วงนอนมากในตอนกลางวัน โดยผลการวิจัยระบุว่าเมลาโทนินอาจช่วยให้การนอนหลับของผู้ป่วยเด็กและผู้ใหญ่ดีขึ้น โดยทำให้ง่วงเร็วขึ้น
โรคนอนไม่หลับเมลาโทนินอาจนำมาใช้ในการบรรเทาหรือรักษาโรคนอนไม่หลับในผู้ที่มีภาวะต่าง ๆ เช่น
- ผู้สูงอายุที่ร่างกายหลั่งเมลาโทนินลดลง จากงานวิจัยพบว่าการใช้เมลาโทนินมีส่วนช่วยเพิ่มคุณภาพการนอนในคนอายุมากกว่า 55 ปีที่มีอาการการนอนไม่หลับปฐมภูมิ (Primary Insomnia) หรือนอนไม่หลับชนิดไม่ทราบสาเหตุชัดเจนได้
2.คนที่มีปัญหานอนไม่หลับหลังการผ่าตัด
3.คนที่มีภาวะซึมเศร้าจากการเปลี่ยนแปลงของฤดูกาล (Seasonal Affective Disorder หรือ SAD)
4.คนที่ทำงานเป็นกะ โดยเข้างานในช่วงกลางคืน ทำให้มีปัญหาการนอนหลับ
เมลาโทนินชนิดสังเคราะห์ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นยาในประเทศไทยคือ เมลาโทนินรูปแบบออกฤทธิ์เนิ่นขนาด 2 มิลลิกรัม ซึ่งจะปลดปล่อยตัวยาออกมาทีละน้อย และสามารถเลียนแบบการหลั่งของเมลาโทนินตามธรรมชาติของร่างกายได้ดี
ปริมาณและระยะเวลาการใช้เมลาโทนินขึ้นอยู่กับอาการและความรุนแรงของโรคที่ผู้ป่วยเป็น โดยส่วนมากแพทย์มักให้รับประทานก่อนเข้านอน เช่น การใช้รักษาอาการนอนไม่หลับปฐมภูมิระยะสั้นในผู้ป่วยอายุ 55 ปีขึ้นไป ให้รับประทานทานก่อนเข้านอนประมาณ 1 ชั่วโมง รับประทานได้ต่อเนื่องไม่เกิน 13 สัปดาห์ การใช้เมลาโทนินในระยะยาวอาจทำให้เกิดผลข้างเคียง เช่น ง่วงซึม มึนงง ง่วงนอนตอนกลางวัน ปวดหรือเวียนศีรษะ คลื่นไส้ มวนท้อง หงุดหงิด และเกิดภาวะซึมเศร้าในระยะสั้น